วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การบริหารจัดการชั้นเรียนของโรงเรียนอนุบาลญี่ปุ่น

 การบริหารจัดการชั้นเรียนของโรงเรียนอนุบาลญี่ปุ่น   

       การจัดการชั้นเรียนคือการจัดการสภาพของห้องเรียน บรรยากาศน่าเรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้
ฮอล (Susan Colville-Hall :2004) ได้ให้ความหมายไว้ว่า เป็นพฤติกรรมการสอนที่ครูสร้างและคงสภาพเงื่อนไขของการเรียนรู้เพื่อช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธผลขึ้นในชั้นเรียนซึ่งถือเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ การจัดการชั้นเรียนที่มีคุณภาพนั้นต้องเป็นกระบวนการที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและคงสภาพเช่นนี้ไปเรื่อยๆโดยสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ KAUCHAK และ EGGEN (1998) ให้คำจำกัด ความว่า การบริหารการจัดชั้นเรียน ประกอบด้วย ความคิด การวางแผน และการปฏิบัติทั้งหลายทั้งปวงของครูที่สร้างสรรค์ภาพแวดล้อมอย่างเป็นระบบระเบียบ และส่งเสริมการเรียนรู้ โดยเป้าหมายของการบริหารจัดการ (MANAGEMENT GOALS) มี 2 ประการสำคัญ คือ
1.1 รังสรรค์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมให้การเรียนรู้มีความเป็นไปได้ มากที่สุด และครูจะสามารถสะท้อนการปฏิบัติงานของตนเองด้วยการถามตนเองสม่ำเสมอว่าระบบการบริหารจัดการเอื้ออำนวยให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างไรเพียงใด
1.2 พัฒนานักเรียนให้มีศักยภาพในการจัดการและนำตนเองให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ดังนั้น การบริหารจัดการชั้นเรียนจึงเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความเข้าใจด้วยตนเอง ประเมินตนเอง และควบคุมดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสมตามวัย
       กล่าวโดยสรุปได้ว่า การจัดบรรยากาศในชั้นเรียนจะช่วยส่งเสริมและสร้างเสริมผู้เรียนใน ด้านสติปัญญา ร่างกาย อารมณ์ และสังคมได้เป็นอย่างดี ทำให้นักเรียนเรียนด้วยความสุข รักการเรียน และเป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้

ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารจัดการชั้นเรียนและการเรียนการสอน

       การบริหารจัดการชั้นเรียน หมายถึง การจัดสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน เพื่อสนับสนุนให้เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุขการจัดสภาพแวดล้อมจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. ความสะอาด ความปลอดภัย เช่น ก่อนการรับประทานอาหาร โรงเรียนอนุบาลของญี่ปุ่นจะให้นักเรียนล้างมือก่อนการรับประทานอาหาร ในส่วนของห้องครัวจะไม่อนุญาติให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกจากภายนอกเข้าไปปนเปื้อนในอาหาร อีกทั้งแม่ครัวจะสวมอุปกรณ์ป้องกันหน้ากาก ถุงมือที่มิดชิดเพื่อป้องกันเชื้อโรค
2. ความมีอิสระอย่างมีขอบเขตในการเล่น เช่น ในการละเล่นของเด็กในชั้นอนุบาล เด็กๆจะมีเป้าหมายในการเล่นตามแผนที่วางไว้ ซึ่งเป็นการเล่นที่มีขอบเขตและจุดหมาย ไม่ใช่การเล่นเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียว
3. ความสะดวกในการทำกิจกรรม ในพื้นที่ด้านนอกของโรงเรียนจะโล่งกว้างไม่แออัดช่วยให้เด็กสามารถทำกิจกรรมออกกำลังกาย และเล่นได้อย่างสะดวกปลอดภัย
4. ความพร้อมของอาคารสถานที่ เช่น ห้องเรียน ห้องน้ำห้องส้วม สนามเด็กเล่น ฯลฯ ภายในโรงเรียนของญี่ปุ่นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สนามเด็กเล่นซึ่งมีไว้ให้เด็กๆได้มีพื้นที่ในการเล่นสนุกได้อย่างเต็มที่
5. ความเพียงพอเหมาะสมในเรื่องขนาด น้ำหนัก จำนวน สิ่งของสื่อและเครื่องเล่น เช่นในชั้นเรียน จะไม่อนุญาติให้นักเรียนนำ คอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต เข้ามาใช้ในการเรียน แต่ทางโรงเรียนจะมีเตรียมไว้ให้เช่น เปียโน วิทยุเพื่อใช้ในกิจกรรมร้องเพลง และกล่องกระดาษ กาว กรรไกร สี เพื่อเน้นให้เด็กฝึกใช้ความคิดสร้างสรรค์จากสมองของเด็ก และฝึกใช้กล้ามเนื้อมือในการหยิบจับสิ่งของ
6. บรรยากาศในการเรียนรู้ การจัดที่เล่นและมุมประสบการณ์ต่างๆ ภายในห้องเรียนระดับชั้นอนุบาลของญี่ปุ่นจะมีการจัดมุมต่างๆไว้ให้สามารถเล่นและเรียนรู้ตามมุมที่ตนเองสนใจได้

การจัดการชั้นเรียนเพื่อส่งเสริมบรรยากาศการเรียนรู้

       ในการจัดการเรียนการสอน ผู้สอนต่างปรารถนาให้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างราบรื่น และผู้เรียนเกิดพฤติกรรมตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ในหลักสูตร บรรยากาศในชั้นเรียนมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้ความปรารถนานี้เป็นจริง พรรณี ชูทัย (2522 : 261 – 263) กล่าวถึงบรรยากาศในชั้นเรียนที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการสอนจัดแบ่งได้ 6 ลักษณะ สรุปได้ดังนี้
1. บรรยากาศที่ท้าทาย (
Challenge) เป็นบรรยากาศที่ครูกระตุ้นให้กำลังใจนักเรียนเพื่อให้ประสบผลสำเร็จในการทำงาน นักเรียนจะเกิดความเชื่อมั่นในตนเองและพยายามทำงานให้สำเร็จ
2. บรรยากาศที่มีอิสระ (
Freedom) เป็นบรรยากาศที่นักเรียนมีโอกาสได้คิด ได้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่มีความหมายและมีคุณค่า รวมถึงโอกาสที่จะทำผิดด้วย โดยปราศจากความกลัวและวิตกกังวล บรรยากาศเช่นนี้จะส่งเสริมการเรียนรู้ ผู้เรียนจะปฏิบัติกิจกรรมด้วยความตั้งใจโดยไม่รู้สึกตึงเครียด
3. บรรยากาศที่มีการยอมรับนับถือ (
Respect) เป็นบรรยากาศที่ครูรู้สึกว่านักเรียนเป็นบุคคลสำคัญ มีคุณค่า และสามารถเรียนได้ อันส่งผลให้นักเรียนเกิดความเชื่อมั่นในตนเองและเกิดความยอมรับนับถือตนเอง เช่น ก่อนกลับบ้านครูจะให้นักเรียนออกมาเล่าความประทับใจหน้าชั้น โดยกล่าวถึงเพื่อนได้ทำความดีให้กับตนเองอย่างไรบ้าง เป็นการฝึกยอมรับและมองการเห็นความดีของผู้อื่น ทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวชมรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า
4. บรรยากาศที่มีความอบอุ่น (
Warmth) เป็นบรรยากาศทางด้านจิตใจ ซึ่งมีผลต่อความสำเร็จในการเรียน การที่ครูมีความเข้าใจนักเรียน เป็นมิตร ยอมรับให้ความช่วยเหลือ จะทำให้นักเรียนเกิดความอบอุ่น สบายใจ รักครู รักโรงเรียน และรักการมาเรียน ในการจัดบรรยากาศของโรงเรียนอนุบาลญี่ปุ่นจะเน้นให้เด็กมีความสนุกน่าเรียนรู้ โดยมีต้นไม้ สัตว์เลี้ยง ของเล่นให้เด็กมีความเพลิดเพลินสนุกสนาน ในการรับประทานอาหารทั้งครูและนักเรียนจะนั่งรับประทานร่วมกัน และเด็กจะช่วยกันเช็ดโต๊ะ เสริฟน้ำให้เพื่อน เป็นการสร้างบรรกาศที่อบอุ่นและเป็นมิตรและการยอมรับให้ความช่วยเหลือจากเพื่อนในชั้นเรียน
5. บรรยากาศแห่งการควบคุม (
Control) การควบคุมในที่นี้ หมายถึง การฝึกให้นักเรียนมีระเบียบวินัย มิใช่การควบคุม ไม่ให้มีอิสระ ครูต้องมีเทคนิคในการปกครองชั้นเรียนและฝึกให้นักเรียนรู้จักใช้สิทธิหน้าที่ของตนเองอย่างมีขอบเขต เช่น ก่อนเข้าเรียนเด็กนักเรียนจะต้องรวมกลุ่มช่วยครูเช็คชื่อเพื่อนๆ และมีเวรทำความสะอาด ดูแลสัตว์เลี้ยงของโรงเรียน ช่วยให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตนเอง และช่วยเหลือทำงานกันเป็นทีม
6. บรรยากาศแห่งความสำเร็จ (
Success) เป็นบรรยากาศที่ผู้เรียนเกิดความรู้สึกประสบความสำเร็จในงานที่ทำ ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีขึ้น ผู้สอนจึงควรพูดถึงสิ่งที่ผู้เรียนประสบความสำเร็จให้มากกว่าการพูดถึงความล้มเหลว เพราะการที่คนเราคำนึงถึงแต่ความล้มเหลวจะมีผลทำให้ความคาดหวังต่ำ ซึ่งไม่ส่งเสริมให้การเรียนรู้ดีขึ้น เช่น ในระหว่างการเข้าแถวหน้าเสาธง นักเรียนที่เป็นตัวแทนแข็งขันกีฬาที่ชนะได้รับรางวัล จะให้ขึ้นมาบนเวที ส่วนเพื่อนๆจะร่วมชื่นชมความสำเร็จด้วยกันเป็นการเสริมแรงด้านบวกช่วยให้คนอื่นๆอยากประสบความสำเร็จตาม

สรุป

       เนื่องจากชั้นเรียนมีความสำคัญ เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง นักเรียนจะใช้เวลาอยู่ในชั้นเรียนประมาณวันละ 5-6 ชั่วโมง อิทธิพลของโรงเรียนและชั้นเรียนจึงมีความสำคัญช่วยปลูกฝังลักษณะของเด็กให้เป็นไปในแบบที่สังคมต้องการได้ เช่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น การรู้จักรับผิดชอบ เป็นคนรู้จักคิดวิเคราะห์ มีเหตุมีผลสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้ง การจัดการในชั้นเรียนของโรงเรียนอนุบาลญี่ปุ่นช่วยกระตุ้นให้เด็กมีความกระตือรือร้นมีความต้องการมาเรียนมาก และช่วยให้เด็กมีระเบียบวินัย สามารถช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นได้เช่นการจัดเก็บสิ่งของ รองเท้า นอกจากนี้ยังช่วยให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมห้อง รู้จักทำงานร่วมกัน และการช่วยเหลือแบ่งปันกัน  เช่นเสริฟน้ำ รดน้ำต้นไม้ เมื่อมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งเด็กสามารถจัดการแก้ปัญหาได้ด้วยตนเองอย่างมีเหตุมีผล นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาเด็กที่เกเร ให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในทางที่ดี สามารถอยู่ร่วมกับกลุ่มเพื่อนได้ หากนำวิธีนี้มาใช้กับโรงเรียนของไทยจะช่วยให้เด็กไทยมีระเบียบวินัย ไม่ฟุ้งเฟ้อ มีความคิดสร้างสรรค์ แก้พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น พฤติกรรมติดเกมส์ การนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ราคาแพงมาใช้ในโรงเรียนเช่น ไอแพด ซึ่งส่งผลให้เด็กขาดการพัฒนากล้ามเนื้อมือ และส่งผลเสียต่อสุขภาพสายตาและเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองของผู้ปกครอง เด็กขาดความคิดสร้างสรรค์ไม่รู้จักประดิษฐ์สิ่งของด้วยมือของตนเอง ด้วยเหตุนี้การจัดการชั้นเรียนแบบญี่ปุ่นจึงมีความเหมาะสมมาใช้กับโรงเรียนอนุบาลของไทย


บรรณานุกรม

DohiruTV. (05 กรกฎาคม 2556). ดูให้รู้ - การศึกษา เพาะต้นกล้าของสังคม 14Jul13 [Video file].
สืบค้นเมื่อ 07 พฤศจิกายน 2556 จาก .Video posted to www.youtube.com/watch?v=9th6dq6r19g
DohiruTV. (05 กันยายน 2556). ดูให้รู้-การศึกษา..เพาะต้นกล้าของสังคม2 [Video file].
สืบค้นเมื่อ 07 พฤศจิกายน 2556 จาก .Video posted to www.youtube.com/watch?v=N4bNPUrbxcY
ครูเชียงรายดอทเน็ต. (11 สิงหาคม 2555). http://www.kruchiangrai.net. เรียกใช้เมื่อ 08 พฤศจิกายน 2556 สืบค้นจาก http://www.kruchiangrai.net/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น